5บาร์ดนตรีบลูส์

Nothing but the Blues

น่าจะนับได้ว่าเป็นพิกัดดนตรีบลูส์และแจ๊ซที่เด็กที่สุดในกรุงเทพฯ บาร์ชื่อเท่อย่าง Nothing but the Blues หรือไม่เอาอะไรเลยนอกจากบลูส์เท่านั้น ให้ความรู้สึกเหมือน Brown Sugar ที่เด็กกว่า และเดินทางง่ายกว่ามาก โดยร้านที่ตั้งอยู่ใจกลางซอยทองหล่อแห่งนี้เป็นของกลุ่มนักดนตรีแจ๊ซด้วยนะ ซึ่งนอกจากพวกเขาจะผลัดกันมาเล่นเป็นครั้งคราวแล้ว ยังมีการเปิดให้แจมกัน ทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนด้วย

Adhere the 13th

ไม่ไกลจากถนนข้าวสารคือ Adhere the 13th หรือที่หลายคนเรียกติดปากว่าร้านบลูส์บาร์ ที่เป็นเหมือนสถาบันดนตรีแจ๊สและบลูส์ของกรุงเทพฯ ไปแล้ว นอกจากที่นั่งจำกัดและคนดูแน่นแทบทุกคืน เรียกได้ว่าที่นี่อาหารและค็อกเทลล์แฟนซีไม่สำคัญเท่าดนตรีบลูส์ดีๆ เตือนไว้เลยว่าถ้าได้เข้าไปนั่งแล้วจะไม่อยากออกไปจากร้านเลยหละ

Brown Sugar

อยู่คู่กับกรุงเทพฯ มานานกว่า 30 ปี Brown Sugar หลังจากย้ายจากแถบสารสินมายัง ถ.พระสุเมรุ ในปี 2013 ที่นี่ยังคงเป็นพิกัดคลาสสิคตัวจริงของคนรักบลูส์และแจ๊ซ นอกจากการแสดงสดจากหลายวงฝีมือดีที่รับรองว่าไม่ผิดหวังทุกคืนแล้ว ยังต้อนรับนักดนตรีรุ่นเก๋าทั้งไทยและต่างประเทศ อาทิเช่น ชัย บลูส์, Dira Sugandi และ Valtinho Anastacio มาแล้ว ต้องคอยติดตาม lineup กันทางเฟซบุ๊คเพจให้ดี

Saxophone

อีกหนึ่งสถาบันดนตรีที่อยู่คนรักดนตรีในกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 1987 อย่าง Saxophone เป็นที่แจ้งเกิดให้กับศิลปินมามากมาย ใครที่มาเล่นที่นี่ได้ต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาเลยนะ นอกจากจะฟังดนตรีแจ๊ซจากศิลปินอย่าง โก้ Mr. Saxman หรือเรกเก้กับวง T-Bone แล้ว ในคืนวันศุกร์และเสาร์ (21.00-23.30น.) ยังมีคิวของวงบลูส์อย่าง Ped’s Band ให้ได้ฟังบรรยากาศแบบคึกคักและเป็นกันเองด้วยนะ

Apoteka

แกสโตรผับ Apoteka ในซอยสุขุมวิทซอย 11 ที่เป็นแหล่งดนตรีสดหลายแนวแล้ว เป็นอีกพิกัดที่คอดนตรีบลูส์ สามารถฟังวงอย่าง Soi Dog Blues ที่มาเล่นประจำทุกวันศุกร์ และ Jukes ที่เล่นทุกวันจันทร์ ในบรรยากาศสบายๆ ที่ตกแต่งด้วยอิฐและเฟอร์นิเจอร์วินเทจ

ที่มา: soimilk